วันอังคารที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2560

Page Manager



ในช่วงสองสามปีมานี้ ผมเห็นมีผู้คนมากมายต่างทยอยเปิดเพจของตนเองบนเฟซบุคกันเยอะมาก แต่มีเพียงไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เป็นเพจที่ยังแอคทีฟ(Active)อยู่ มันเกิดอะไรขึ้น?
(เพจที่แอคทีฟ หมายถึงเพจที่มีผู้คนแวะเวียนเข้าไปไลค์ เข้าไปคอมเมนต์ หรือเข้าแชร์ อย่างต่อเนื่อง)
ถ้าย้อนกลับไปดูเรื่อง EdgeRank ก็พอจะพูดได้ว่า เจ้าของเพจที่ไม่ค่อยแอคทีฟทั้งหลาย ยังไม่เข้าใจเรื่อง EdgeRank เสียเป็นส่วนมาก เพจก็เลยไม่คึกคัก ทั้งๆ ที่ ถ้าเพจมีความคึกคักมัน จะยอดเพิ่มยอดกำไรในธุรกิจได้เอาง่ายๆ โดยลงทุนเงินกับลงทุนแรงเพิ่มอีกไม่มากอะไรเลย
ณ ตอนนี้หากท่านใดยังไม่เคลียร์หรือเก็ตเรื่อง EdgeRank อยากให้ลองไล่กลับไปอ่านโพสต์ก่อนหน้านี้ที่ผมเขียนเรื่อง EdgeRank เอาไว้ค่อนข้างจะชัดเจนเป็นอย่างดี เพื่อจะได้เป็นพื้นฐานสำหรับเรื่องใหม่ที่ผมกำลังจะอธิบายปรากฎกาณ์แปลกๆ ตามที่ผมได้พาดหัวเรื่องไว้
การที่เฟสบุคนำอัลกอรึทึม EdgeRanking มาใช้ก็เพื่อ คัดกรองโพสต์ต่างๆ จากทุกแหล่งที่เรากำลังติดตามอยู่ ให้ปรากฎบน newsfeed ของเราอย่างเหมาะสมกับเราที่สุด นั่นก็คือ เวลา สถานที่ และผู้คน
แต่ทุกท่านทราบไหมครับว่า จริงๆ แล้ว บรรดาโพสต์ที่มาจากเพจต่าง ๆ ที่เราไปทำการซับสไครบ์(Subscribe) เพื่อติดตามเพจเหล่านั้นไว้ หากเราเพียงแค่ไปกดไลค์เพจเอาไว้ เพื่อหวังจะติดตามเพจนั้น มันมีโอกาสที่จะมาขึ้นบนหน้า newsfeed ของเราแค่ 16% หรือน้อยกว่านั้น (เรื่องนี้ได้มีการทำการทดลองและบันทึกผลเอาไว้แล้ว) เท่านั้นเองครับ
16% หมายความว่า ถ้าซับสไครเบอร์(Subscriber) ของเพจ(ต่อไปผมจะเรียกว่าแฟนเพจ)นั้นมีประมาณ 10,000 คน โพสต์ต่าง ๆ ของเพจนั้นจะไปปรากฎบน newsfeed ของแฟนเพจหรือซับสไครเบอร์ เพียงแค่ 1,600 คน(หรือน้อยกว่า) เท่านั้น ส่วนที่เหลืออีก 84% หรือ 8,400 คน จะไม่ได้รับข่าวสารจากการโพสต์ของเพจนั้นเลย ยกเว้นเสียแต่ว่า แฟนเพจเหล่านั้นจะเข้ามามีส่วนร่วมโดยการกดไลค์ คอมเมนต์ หรือแชร์โพสต์ของเพจบ้าง เพื่อเรียกคะแนนค่าความใกล้ชิดขึ้นมา หลังจากนั้นแฟนเพจที่ได้ทำแบบนั้นก็จะกลายเป็น 16% แรก ที่ได้เห็นโพสต์อย่างสม่ำเสมอ
อีกด้านหนึ่ง สมมติว่าเราไปกดไลค์เพจเพื่อเป็นแฟนเพจไว้สัก 10,000 เพจ แล้วเราก็ไม่เคยกลับที่หน้าเพจเขาเลย เรารอแต่ให้เขาโพสต์ออกมาแล้วให้เฟซบุคดึงโพสต์พวกนั้นมาในหน้า newsfeed ของเรา สุดท้ายเฟสบุคก็จะไปเช็คค่าความใกล้ชิดของเพจที่มีค่าสูง ๆ แล้วดึงมาให้เราได้เห็นแค่ไม่กี่เพจ ส่วนเพจที่เราไม่เคยไปมีปฏิสัมพันธ์(ไลค์ เมนต์ แชร์) ใดๆ กับเขามาก่อน แค่ไปกดไลค์เพจเอาไว้เฉยๆ ก็จะไม่ปรากฎขึ้นมาให้เราเห็น ถ้าเป็นแบบนี้ ขอให้ตั้งข้อสังเกตไว้เลยว่า เพจเหล่านั้นได้กลายเป็นเพจจำพวกไม่แอคทีฟไปแล้ว ซึ่งมีเยอะมากในขณะนี้
ที่เป็นอย่างนั้น ก็ขอให้เข้าใจว่า เฟสบุคจะดึงเฉพาะโพสต์ที่มีคุณภาพจากเพจที่มีคุณภาพ(เพจที่ยังแอคทีฟมาอย่างต่อเนื่อง) ให้เราได้ดูเท่านั้น
มาถึง ณ ปัจจุบันนี้ เพจใหม่ๆ ก็ยังทยอยเปิดกันออกมาเรื่อยๆ ส่วนเพจเก่าที่ไม่แอคทีฟไปแล้ว ก็อยากให้ตัวเองกลับไปเป็นเพจที่แอคทีฟกันมากขึ้น แต่ข้อจำกัดของเฟสบุคที่ว่า หากค่าความใกล้ชิดระหว่างแฟนเพจกับเพจไม่ดี มันก็จะไม่ดึงเรื่องราวจากเพจไปให้แฟนเพจดู หากป็นแบบนี้มีหนทางเดียวล่ะครับ
ก็คือเราไปบอกให้เฟซบุคช่วยดึงโพสต์ใหม่ๆ จากเพจของเราที่สร้างใหม่หรือสร้างมานานแล้วแต่มันไม่แอคทีฟไแล้ว ให้ไปปรากฎกับแฟนเพจของเราทั้ง 10,000 คนด้วย (สมมติว่าเรามีแฟนเพจ 10,000 คน) หากเฟสบุครักเราจริง เขาน่าจะทำให้เราได้ ท่านว่าไหม อิ อิ อิ
ซึ่งจริงๆ แล้ว เฟสบุคก็น่าจะทำให้เราได้ แต่มันไปติดปัญหาว่า คนที่ไปบอกให้เฟสบุคช่วยทำแบบนี้ให้ในเวลานั้นๆ มันมีไม่ใช่เฉพาะแต่ท่านคนเดียวน่ะสิ เพราะทุกคนต่างก็ต้องการให้โพสต์ที่ไปจากเพจของเขาไปปรากฎบน newsfeed ของแฟนเพจเขาทั้งหมดด้วยเหมือนกัน
ทีนี้ล่ะครับ มันกลายเป็นช่องทางที่ทำให้เฟสบุคเกิดรายได้เข้ากระเป๋าขึ้นมา เพราะมีแต่คนมาขอให้ช่วย หากมีแค่คนหรือสองคน มันก็ช่วยแบบฟรีๆ เลยก็ได้ แต่นี่มันมาเป็นหมื่นเป็นแสนราย คงช่วยฟรีๆ ไม่ไหว (ผมเคยเขียนเรื่องของฟรีไม่มีในโลกด้วย ลองไปไล่เรียงหาอ่านดูนะครับ)
เฟสบุคก็เลยแก้ปัญหาเรื่องนี้แบบนี้ครับ ก็คือว่า ถ้าคุณต้องการอย่างนั้นก็จ่ายเงินมาแล้วกัน ใครจ่ายมากทำให้ก่อน ใครจ่ายน้อยทำให้หลัง (เฟสบุคนี่แสบมาก อิ อิ อิ) ทุกท่านก็ลองคิดสิครับ เพจเขามีแฟนเพจเป็นหมื่นๆ เพื่อจ่ายเงินเล็กๆ น้อยๆ ให้เฟสบุคจัดการเรื่องนี้ให้ มีใครบ้างที่จะไม่สน เพราะแฟนเพจเหล่านั้นก็คือลูกค้าหรือว่าที่ลูกค้าของเพจในอนาคต ถ้าเป็นท่าน ท่านจะยอมจ่ายไหมล่ะครับ(ก่อนจะตอบคำถามนี้รบกวนให้อ่านเรื่องของฟรีไม่มีอยู่ในโลกใบนี้เสียก่อนนะครับ)
บรรดา เถ้าแก่ อาเสี่ย อาเฮีย ทั้งหลายเมือดีดลูกคิดแล้ว ต่างก็พูดว่า "อาว-เลย-อั๊ว-ทิ้ง-ไม่-อั้ง" ถามว่าทำไมเขากล้าลงทุน ตอบว่า เพราะธุรกิจของเขามีการแข่งขันกันสูง ต้องแย่งลูกค้า แย่งมาได้แล้วก็ต้องรักษาให้คงอยู่ต่อไป แล้วเมื่อใช้วิธีนี้มันได้ผล คุ้มค่า และรวดเร็ว
ยิ่งทุกวันนี้ได้เกิดธุรกิจใหม่ขึ้นมาอีกหนึ่งธุรกิจ ก็คือธุรกิจรับจ้างทำโฆษณาบนเฟสบุค ผมนั่งเช็คดูก็มีอยู่เยอะเหมือนกัน อีกไม่นานจะมีมากกว่านี้อีก โพสต์ต่อไปผมจะมาบอกว่า ทำโฆษณาบนเฟสบุคเขาทำกันอย่างไร ซึ่งทุกที่ใช้เฟสบุคก็สามารถทำได้ทุกคน โปรดคอยติดตามอ่านกันนะครับ
ขอบคุณทุกท่านมากคับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น